วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

ททท.นำท่องเที่ยวไทยลุยเทรดโลกWTM2025โชว์สีสันลอยกระทงทำรายได้1,330ล้านบาท

ททท.นำธุรกิจไทยลุยเทรดโลกWTM2025โชว์สีสันลอยกระทง

เปิดคูหาไทยจับคู่เจรจา 1,500นัดหมายหวังโกย1,330ล้านบาท

เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT  #เที่ยวกับกู๋ #WTM2025 #ลอยกระทง

ททท.ควงธุรกิจไทยร่วมเทรดท่องเที่ยวโลก WTM 2025 ไฮไลต์ 5 พ.ย.68 โชว์เทศกาล “ลอยกระทง” ในคูหาประเทศไทย ตลอดงานหวังรายได้ 1,330 ล้านบาท โหมจุดขาย “เสน่ห์เที่ยวเชิงสุขภาพและยั่งยืน” ปี’68 กวาดสหราชอาณาจักรเที่ยวไทยทะลุ 1.1 ล้านคน

 

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.นำผู้ประกอบการไทยกว่า 50 ราย เข้าร่วมงาน World Travel Market (WTM) 2025 ที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ 4–6 พฤศจิกายน 2568 ผลักดันแนวคิด “Senses of Siam: A Journey to Total Well-being” — นำเสนอเสน่ห์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและความยั่งยืน (Health & Wellness) ผสานวัฒนธรรมไทยเข้ากับวิถีชีวิตแห่งการเยียวยาอย่างแท้จริง

ปี 2568 ททท.ได้เดินหน้าขยายตลาดท่องเที่ยวในสหราชอาณาจักรต่อเนื่อง ตั้งเป้าหมายรายได้การจับคู่เจรจาธุรกิจระหว่างผู้ขายของไทยกับผู้ซื้อทั่วโลกได้กว่า 1,330 ล้านบาท  จำนวนรวมกว่า 1,500 นัดหมาย โดยได้นำเสนอสินค้าและบริการท่องเที่ยวไทยสะท้อนอัตลักษณ์ “สุขภาพดี–ใจมีสุข–อย่างไทย” นำเสนออยู่ในคูหาประเทศไทยขนาด 479.75 ตารางเมตร ออกแบบอย่างวิจิตรในสไตล์ “สถาปัตยกรรมไทยร่วมสมัย” ผสมผสานงานผ้าไทย งานจักสาน ลวดลายพื้นบ้านไทยให้ร่วมสมัยอย่างมีศิลป์

“วันลอยกระทง” 5 พฤศจิกายน 2568 ททท.ได้เพิ่มความพิเศษภายในงาน นำบรรยากาศเทศกาลแห่งแสงและสายน้ำมาสร้างสีสันเพื่อเผยแพร่ “เสน่ห์เทศกาลไทย” สู่นักท่องเที่ยวทั่วโลก

“สถิติ” ระหว่างมกราคม–ตุลาคม 2568 สหราชอาณาจักรเดินทางมาเที่ยวเมืองไทยแล้วกว่า 836,907 คน เพิ่มขึ้นกว่า 13% คาดตลอดปี 2568 จะสร้างสถิติใหม่นำมาเที่ยวเมืองไทยได้เกิน 1.1  ล้านคน โดยมีปัจจัยสนุนจากการเปิดเส้นทางใหม่ ๆ จากยุโรปบินตรงมายังจังหวัดท่องเที่ยวไทยของ 2 สายการบินหลัก ได้แก่ บริติช แอร์เวย์ส และ นอร์ส แอตแลนติก แอร์เวย์ส

ปัจจุบันไทยยังคงเป็นจุดหมายยอดนิยมของนักเดินทางในอังกฤษ อ้างอิงจากนิตยสาร Condé Nast Traveller UK ได้จัดอันดับเกาะของเมืองไทยติด Top List ถึง 4 แห่ง ได้แก่ เกาะลันตา เกาะช้าง ภูเก็ต และเกาะสมุย สะท้อนภาพลักษณ์ “Amazing Thailand” มีเหสน่ห์ดึงดูดตลาดยุโรปครบทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม และประสบการณ์การพักผ่อนระดับโลก


ผู้ว่าฯ ฐาปนีย์ ย้ำว่า ททท.พร้อมเดินหน้าผลักดันกลยุทธ์การตลาดร่วมกับ สายการบินนานาชาติ บริษัทนำเที่ยว และพันธมิตรต่างประเทศ เพื่อกระตุ้นการเดินทางตลาดสหภาพยุโรปสู่เมืองน่าเที่ยว (Hidden Gem) ควบคู่การส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ (Responsible Tourism) นำไทยก้าวสู่ “จุดหมายปลายทางแห่งสุขภาพและความสุขอย่างยั่งยืนของโลก” อย่างสมบูรณ์แบบในเร็ววันนี้ ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นพลังสร้างเศรษฐกิจประเทศอย่างแข็งแกร่งในปีต่อ ๆ ไป

 


ดุสิตธานี!! สร้างชื่อติด60โรงแรมดีที่สุดของโลกจาก The World’s 50 Best Hotels 2025

ดุสิตธานี!! สร้างชื่อติดอันดับ 60 โรงแรมดีที่สุดของโลก

The World’s 50 Best Hotels 2025ยกให้บริการเป็นเลิศ

 

เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT  #เที่ยวกับกู๋ #ดุสิตธานีดีที่สุดของโลก

โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ เปิดเพียงปีเดียว สร้างชื่อติดอันดับ 60 โรงแรมหรูดีที่สุดในโลก จาก The World’s 50 Best Hotels 2025 ได้รับเสียงโหวตให้เป็น “ที่พักหรูหรา เป็นเลิศด้านบริการ ต้อนรับอบอุ่นแบบไทย” ควบรางวัล “มิชลิน คีย์” เมื่อ ต.ค.68 ได้พร้อมดุสิต เซบู ฟิลิปินส์ และเกียวโต ญี่ปุ่น



โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ โรงแรมเรือธงโฉมใหม่ของกลุ่มดุสิต โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท ธุรกิจในเครือดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล หนึ่งในบริษัทผู้นำด้านโรงแรมและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย ได้รับการยอมรับในระดับโลกอีกครั้ง ติดอันดับที่ 60 ในรายชื่อโรงแรมที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2568 โดย The World’s 50 Best Hotels 2025 ประกาศให้เป็นโรงแรมที่มอบประสบการณ์การบริการดีที่สุดในโลกให้กับลูกค้า

            เป็นตัวอย่างของโรงแรมใน 6 ทวีป ที่ได้รับการคัดเลือกโดยแสดงให้เห็นถึง “นวัตกรรม ความเป็นเลิศด้านการบริการ และความพึงพอใจของผู้เข้าพัก” จากเสียงโหวตของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวอิสระกว่า 800 คน รวมถึง ผู้ประกอบการโรงแรม นักข่าว และนักเดินทางระดับหรูผู้มากประสบการณ์



            “โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ” เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2513 เป็นโรงแรมหรูแห่งแรกๆ ของเมืองไทย ต่อมาสร้างแบรนด์จนกลายเป็น “สัญลักษณ์” แห่งการต้อนรับแบบไทยสมัยใหม่และ “แลนด์มาร์ก” ใจกลางเมือง หลังใช้เวลา 5 ปี ปรับโฉมแล้วกลับมาเปิดใหม่ภายใต้โครงการ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” เปิดให้บริการอีกครั้ง 27 กันยายน 2567 ตอบโจทย์แบรนด์ดุสิตที่เน้น “การต้อนรับอย่างอบอุ่นและเปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจจากความเป็นไทย”

โดยยังคงรักษา “มรดกอันล้ำค่า” ของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ เดิม โรงแรมแห่งใหม่ผสานอดีตเข้ากับปัจจุบันได้ ลงทุนใหม่อย่างพิถีพิถันภายในโรงแรมที่ยังคงรักษาจิตวิญญาณของสัญลักษณ์ไทยไว้ พร้อมกับเปิดศักราชใหม่แห่งความเป็นเลิศด้านการออกแบบไว้

ภายในตกแต่งอย่างประณีตโดย André Fu นักออกแบบชื่อดังระดับนานาชาติ ที่รักษากลิ่นอายอดีตอันยาวนานของโรงแรมอย่างมีระดับด้วยดีไซน์ร่วมสมัยอันหรูหรา ตั้งแต่ “ห้องพัก” และ “ห้องสวีท” โอ่โถงกว้างขวาง “ทุกห้อง” มองเห็นวิวสวนลุมพินีแบบพาโนรามา ไปจนถึง “ห้องอาหาร” ก็ได้คัดสรรมาอย่างดี รวมทั้งมีศูนย์สุขภาพ “เทวารัณย์ เวลเนส เซ็นเตอร์” เป็นเอกลักษณ์ ทุกพื้นที่ล้วนสะท้อนถึงความมุ่งมั่นอย่างลึกซึ้งในงานฝีมือ วัฒนธรรม และความใส่ใจ

 

จิลส์ เครทัลลาซ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่าการได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 โรงแรมที่ดีที่สุดของโลก หลังจากกลับมาเปิดบริการใหม่ได้เพียง 1 ปี จึงถือเป็นก้าวสำคัญอันน่าเหลือเชื่อที่ตอกย้ำความมุ่งมั่นด้านความเป็นเลิศ นวัตกรรม และความเป็นเอกลักษณ์ และ “ความสำเร็จ” ครั้งนี้ ไม่เพียงจะยกย่องผลงานอันยอดเยี่ยมของทีมงานของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงความมุ่งมั่นร่วมกันผลักดันให้โรงแรมดุสิตทุกแห่งทั่วโลก มอบประสบการณ์หยั่งรากลึกในวัฒนธรรมท้องถิ่น ยกระดับด้วยการออกแบบ และเติมเต็มชีวิตชีวาด้วยการบริการที่จริงใจ นับเป็นการสร้างมาตรฐานที่ชัดเจนสำหรับความปรารถนาของดุสิตมุ่งให้บรรลุในพอร์ตโฟลิโอทั้งหมดแบรนด์ควบคู่กันไปด้วย

            “โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ” ได้รับการยกย่องอย่างเป็นทางการร่วมกับโรงแรมอื่นๆ ที่ได้รับรางวัลในงานประกาศรางวัล The World's 50 Best Hotels 2025 จัดขึ้นที่ Old Billingsgate กรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568

            เมื่อเดือนตุลาคม 2568 โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ยังเป็น 1 ใน 3 แห่ง ของกลุ่มดุสิตที่ได้รับรางวัล “มิชลินคีย์”  ร่วมกับ ดุสิตธานี มัคตัน เซบู ในฟิลิปปินส์ และดุสิตธานี เกียวโต ในญี่ปุ่น ได้รับเครื่องหมายระดับนานาชาติด้านความเป็นเลิศด้านการบริการ



 

TCEBปลื้ม“ยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย”เข้ารอบ1ใน3แคมเปญการตลาดยอดเยี่ยม

TCEBปลื้ม“ยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย”เข้ารอบ1ใน3ของโลก

แคมเปญการตลาดยอดเยี่ยมปลุกMIนำท้องถิ่นแกร่งในเวทีโลก



เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เที่ยวกับกู๋ #ยกทีมประชุมรุมรักเมืองไทย #TCEB   

อ่านใน gurutourza...

TCEB นำแคมเปญ “ยกทีมประชุม รุมรักเมืองไทย” สร้างชื่อเวทีโลก องค์กรรัฐรายเดียวผ่านเข้ารอบรางวัล 1 ใน 3 ทีมด้าน Social Impact Marketing ในเวที SMARTIES Thailand 2025 จาก MMA Global



            สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) “TCEB สร้างผลงานระดับโลกนำแคมเปญ “ยกทีมประชุม รุมรักเมืองไทย” ผ่านการคัดเลือกเข้ารอบ 1 ใน 3 แคมเปญการตลาดยอดเยี่ยม ด้าน Social Impact Marketing เวทีมอบรางวัล SMARTIES Thailand 2025 โดยสมาคมการตลาดระดับโลก (Marketing + Media Alliance) หรือ MMA Global  ภายใต้แนวคิด Celebrating Marketing Excellence จัดขึ้นที่โรงแรม ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพ สุขุมวิท

            TCEB” เป็นองค์กรภาครัฐรายเดียวที่เข้ารอบจากทั้งหมดหลายองค์กร โดยสามารถพิชิตรางวัลการตลาด 7 สาขา SMARTIES Thailand 2025” ซึ่งเป็นการมอบรางวัลระดับโลกที่ได้ยกย่องแคมเปญการตลาดที่ประสบความสำเร็จสูงสุดด้านความคิดสร้างสรรค์ เทคโนโลยี และผลกระทบต่อธุรกิจ

“ผู้ชนะ” จะได้รับการยอมรับระดับสากลและจะได้จัดอันดับในเวทีต่าง ๆ ร่วมด้วย เช่น WARC 100 ของ World Advertising Research Center



            ยกทีมประชุม รุมรักเมืองไทย” เป็นแคมเปญการตลาดออนไลน์ ของทางฝ่ายการตลาดในประเทศหรือ Domestic MICE ทีเส็บ จัดทำขึ้นกระตุ้นงานจัดประชุมสัมมนา และการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลภายในประเทศ (MI :Meetings & Incentives) ผ่านการจัดประกวดภาพถ่ายและวิดีโอถ่ายทอดความประทับใจจากกิจกรรม MI พร้อมกับเผยแพร่บนโซเชียลมีเดีย มุ่งสร้างมุมมองใหม่ให้งานจัดประชุมในประเทศภายใต้แนวคิด “รักชุมชน รักสุขภาพ และรักษ์โลก” พร้อมสิทธิประโยชน์และรางวัลมูลค่ารวมกว่า 1.5 ล้านบาท

“ผลลัพธ์ความสำเร็จ” ตลอดแคมเปญ ระหว่างมิถุนายน-พฤศจิกายน 2567 มีผู้เข้าร่วม 14,971 คน เกินเป้าหมาย 125% พร้อมทั้งสร้างผลเชิงเศรษฐกิจประมาณ 133.54 ล้านบาท นำเม็ดเงินเข้าสู่ชุมชนท้องถิ่น โดยเกิดการซื้อขาย การจ้างงาน ใช้บริการจากชุมชน สอดรับตามเป้าหมายของทีเส็บที่มุ่งให้การจัดงานสร้างผลกระทบเชิงบวกและสนองเป้าหมายการพัฒนาความแข็งแกร่งในท้องถิ่นให้ได้การยอมรับในเวทีโลกต่อไป

บางจาก ศรีราชาQ3/68พลิกทำกำไรสุทธิ343 ล้านบาท

บางจาก ศรีราชาQ3/68พลิกทำกำไรสุทธิ343 ล้านบาท

โชว์พลังแกร่งโรงกลั่น-ประสิทธิภาพบริหารจัดการเยี่ยม


เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เที่ยวกับกู๋ #บางจากศรีราชา

บางจาก ศรีราชา “BSRCQ3/68 พลิกทำกำไรสุทธิ 343 ล้านบาท โชว์ความแกร่ง “โรงกลั่นและการบริหารจัดการ” แบบมืออาชีพ พัฒนาโลจิสติกส์น้ำมันดิบ ลดต้นทุน ทำตลาดเชิงรุก

            บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) BSRC รายงานผลดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2568 มีกำไรสุทธิ 343 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,349 ล้านบาท จากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งขาดทุนสุทธิ 2,006 ล้านบาท สะท้อนประสิทธิภาพการบริหารจัดการ ค่าการกลั่น (GRM) เพิ่มขึ้น และต้นทุนทางการเงินลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากการชำระคืนเงินกู้ระยะยาวครบทั้งหมด

ไตรมาส 3 ปี 2568 บริษัทมีรายได้รวม 52,673 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 2,996 ล้านบาท ราคาขายเฉลี่ยปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก แต่ปริมาณการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้รวมปรับตัวดีขึ้น

            นายอนุวัตร รุ่งเรืองรัตนากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจโรงกลั่น กล่าวว่า ไตรมาส 3 ปีนี้ บางจาก ศรีราชา สามารถพลิกกลับมามีกำไรด้วยหลายปัจจัย คือ 1.ค่าการกลั่น (GRM) ปรับตัวสูงขึ้นจากการฟื้นตัวของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซลและน้ำมันเครื่องบิน 2.ผลขาดทุนจากสินค้าคงเหลือลดลง ตามราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น 3.ต้นทุนทางการเงินลดลง จากการชำระคืนเงินกู้ระยะยาวครบทั้งหมดเมื่อเดือนกรกฎาคม ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับลดลง

            ไตรมาส 3 โรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชา มีปริมาณการกลั่นน้ำมันดิบ 142,007 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 22,329 บาร์เรล/วัน เนื่องจากไม่มีการหยุดซ่อมบำรุง และใช้คอนเวอร์ชั่นยูนิตได้เต็มประสิทธิภาพภายหลังปรับปรุงแล้วเสร็จ จากนั้นเดือนตุลาคม BSRC เริ่มรับน้ำมันดิบจากเรือบรรทุกน้ำมันดิบขนาดใหญ่ (Very Large Crude Carrier - VLCC) ลำแรกได้สำเร็จ ภายใต้โครงการพัฒนาทุ่นรับน้ำมันดิบแบบหลายจุด (Multi-Bouy Mooring - MBM) ซึ่งช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งและเพิ่มความยืดหยุ่นการบริหารจัดการน้ำมันดิบได้เป็นอย่างดี



“ด้านการตลาด” BSRC ทำสถิติจำหน่ายน้ำมันเรือเดินสมุทรสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อสิงหาคม 42 ล้านลิตร/เดือน สอดคล้องกับกลยุทธ์การเพิ่มยอดขายผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง แล้วสิ้นสุดไตรมาส 3บริษัทยังเดินหน้าขยายร้านกาแฟอินทนิล ในสถานีบริการน้ำมันครบ 104 สาขา เพื่อสร้างระบบนิเวศธุรกิจที่แข็งแกร่งและตอบโจทย์ลูกค้าได้หลากหลาย

“ด้านการกำกับดูแลกิจการ” บริษัทฯ ได้รับการประเมินการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 (AGM) เต็ม 100 คะแนน ระดับ “ดีเยี่ยม สมควรเป็นตัวอย่าง” จากสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (TIA) และได้รับคะแนนการกำกับดูแลกิจการ CGR ระดับ 5 ดาว “ดีเลิศ” จากสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสและยั่งยืน

รวมทั้ง BSRC ได้อันดับเครดิตองค์กร ระดับ A+ แนวโน้ม Stable ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จาก TRIS Rating ตอกย้ำความแข็งแกร่งด้านการเงินและการบริหารจัดการอย่างรอบคอบ รวมถึงได้รับการรับรองมาตรฐานสากลใหม่อีก 2 รายการ ได้แก่ ISO 22301 (ระบบการบริหารจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจและ ISO 55001 (ระบบการจัดการสินทรัพย์)

นายอนุวัตร ย้ำว่า การกำไรไตรมาส 3  สะท้อนถึงโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ศรีราชา มีความพร้อมเดินเครื่องได้เต็มประสิทธิภาพ และพนักงานทุกคนมุ่งมั่นการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ สร้างความแข็งแกร่งและความยั่งยืนให้กับองค์กร และกลุ่มบริษัทบางจากในระยะยาว

 

วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

วิทยุการบินชูการบินปลอดภัยช่วงลอยกระทงคุมเข้มจุดปล่อยโคมน่านฟ้าภาคเหนือตอนบน

 

รมช.มัลลิกาย้ำบวท.ชูการบินปลอดภัยวันลอยกระทง

โฟกัสน่านฟ้าภาคเหนือตอนบนจุดปล่อยโคม5-6พ.ย.


กระทรวงคมนาคม โดย บวท.เตรียมมาตรการดูแลการบินปลอดภัยเหนือน่านฟ้าภาคเหนือช่วงลอย

เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #TAT  #เที่ยวกับกู๋ #การบินปลอดภัย #ลอยกระทง

“มัลลิกา” กระทรวงคมนาคม ออกโรงย้ำ “วิทยุการบิน” หนุนการบินปลอดภัยขานรับท่องเที่ยวช่วงลอยกระทงปี68 เน้นน่านฟ้าภาคเหนือ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง ประกาศข้อกำหนด 5 เรื่อง ช่วงจุดปล่อยโคมประเพณียี่เป็ง

 

นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในฐานะผู้กำกับดูแล บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.)มีนโยบายสนับสนุนงานสืบสานวัฒนธรรมประเพณีไทย ควบคู่ความปลอดภัยด้านการบิน ด้วยการเดินหน้า “มาตรการควบคุมจราจรทางอากาศ” ช่วงเทศกาลลอยกระทงปี 2568  โดยเฉพาะภาคเหนือ 2 สนามบิน คือ เชียงใหม่และเชียงราย ปี 2568 จะมีปริมาณเที่ยวบินเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน จึงต้องปรับแผนเส้นทางบิน จัดหลีก กำหนดช่วงเวลาไม่ให้เครื่องบินทำการบินช่วงปล่อยโคมลอยลอยกระทง

“เทศกาลลอยกระทงปี 2568 หลายจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน อย่าง เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน และพะเยา ได้จัดงานประเพณียี่เป็งและลอยกระทง เพื่อสืบสานวัฒนธรรมไทยและกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยว ปีนี้จึงได้ปรับรูปแบบตามความเหมาะสมของสถานการณ์

บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ได้รายงานช่วงเทศกาลลอยกระทงระหว่างวันที่ 5–6 พฤศจิกายน 2568 ทาง บวท. ได้วางมาตรการรองรับการจราจรทางอากาศร่วมกับสนามบินในพื้นที่ อย่างรัดกุม เพื่อรองรับเที่ยวบินดังนี้

“สนามบินเชียงใหม่” มีเที่ยวบินรวม 363 เที่ยว ปรับเปลี่ยนตารางใหม่ 96 เที่ยว และเพิ่มเที่ยวพิเศษอีกกว่า 44 เที่ยว

“สนามบินเชียงราย” มีเที่ยวบินรวม 72 เที่ยว  ปรับเปลี่ยนตารางการบิน 30 เที่ยว  

กระทรวงคมนาคม จึงขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่จัดกิจกรรมลอยกระทง “ปฏิบัติตามประกาศจังหวัด” อย่างเคร่งครัด เกี่ยวกับช่วงเวลาการปล่อยโคมลอย โคมไฟ โคมควัน สอดคล้องกับการปรับตารางการบินได้ประสานล่วงหน้ากับทางสายการบินแล้ว เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดทางการบินตลอดลอยกระทงปีนี้



“นายสุรชัย หนูพรหม” รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ รักษาการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ช่วงเทศกาลลอยกระทงปีนี้ได้วางแผนบริหารจัดการจราจรทางอากาศอย่างรอบคอบ  โดยได้กำหนด 5 เรื่องสำคัญ คือ 1.เขตพื้นที่ห้ามปล่อยโคมเด็ดขาด 2.พื้นที่เฝ้าระวังพิเศษ 3.กำหนดพื้นที่ปลอดภัยบริเวณแนวขึ้น–ลงของเครื่องบิน และบริเวณโดยรอบสนามบิน 4.ทิศทางการ ขึ้น – ลง ของอากาศยาน เพื่อหลบหลีกพื้นที่จุดและปล่อยโคม 5.กำหนดช่วงเวลาให้เครื่องบินหลีกเลี่ยงทำการบินในช่วงเวลาที่มีกิจกรรมการปล่อยโคม รวมถึงเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษและเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น

“เชียงใหม่และลำพูน” อนุญาตให้ “จุด” ปล่อยโคมลอย โคมไฟ ได้ วันที่ 5 – 6 พฤศจิกายน 2568 เวลา 19.00–01.00 น. ส่วน “โคมควัน” อนุญาตให้จุดปล่อยเฉพาะวันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 เวลา 10.00–12.00 น.

“เชียงรายและลำปาง” อนุญาตให้ “จุด” ปล่อยระหว่างวันที่ 5-6 พฤศจิกายน นี้ ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันกับเชียงใหม่และลำพํน

บวท. มุ่งเน้นการบริหารจัดการเที่ยวบินให้เกิดความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยบูรณาการความร่วมมือกับสายการบินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศ เพื่อรองรับปริมาณการเพิ่มเที่ยวบิน ช่วยส่งเสริมให้ประชาชนได้ร่วมสืบสานประเพณียี่เป็งที่สวยงามอย่างเหมาะสม ควบคู่การสร้างความปลอดภัยในการเดินอากาศอย่างยั่งยืน

 

กลุ่มบางจาก-KXเปิดเวทีTECHBITE Energy-Demo Day ปั้น10สตาร์ตอัพต่อยอดนวัตกรรมสีเขียว

กลุ่มบางจาก-KXเปิดเวทีใหญ่TECHBITE Energy-Demo Day

ปั้น10สตาร์ตอัพลุยนวัตกรรมกรีน-ลงทุนไฮเทคอนาคต5กลุ่ม

 


เรื่องโดย...#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza #รายการรวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เที่ยวกับกู๋ #บางจาก #Techbite

กลุ่มบริษัทบางจาก ผนึก KX Knowledge Xchange จัดเต็มเวที TECHBITE Energy - Demo Day 2025หนุน 10 สตาร์ทอัพ ต่อยอดนวัตกรรมสีเขียวอย่างยั่งยืน ลุยการลงทุนไฮเทคแห่งอนาคต 5 กลุ่ม “พลังงานทางเลือก-กักเก็บคาร์บอน-นวัตกรรมเพิ่มมูลค่าขยะ-ดิจิทัลเพื่อความยั่งยืน-วัสดุที่ยั่งยืน”

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ร่วมกับ ดร.ภัทรชาติ โกมลกิติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KX Knowledge Xchange มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เปิดเวทีให้สตาร์ทอัพ 10 ทีม มุ่งมั่นสรรค์สร้างผลงานด้านพลังงานและความยั่งยืน นำเสนอผลงานต่อคณะผู้บริหาร นักลงทุน และพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อต่อยอดนวัตกรรมพลังงานสะอาดสู่การใช้งานจริง ตอกย้ำบทบาทกลุ่มบางจากถึงความเป็นผู้นำนวัตกรรมสีเขียว ด้วยการจัดงาน TECHBITE Energy - Demo Day 2025 : Incubating the Future of Energy and Sustainability เมื่อ 31 ตุลาคม 2568 ร่วมกับ KX Knowledge Xchange หรือ ศูนย์นวัตกรรมของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (KMUTT)

ความร่วมมือครั้งนี้มุ่งบูรณาการขับเคลื่อนธุรกิจสตาร์ทอัพ มีวิสัยทัศน์ร่วมกันจะผลักดันสตาร์ทอัพเติบโตสู่ระดับภูมิภาคและโลก โดยมีบางจากฯ ทำหน้าที่เป็น “สะพานเชื่อมโลกสตาร์ทอัพ” เข้ากับภาคอุตสาหกรรมจริง ช่วยยกระดับนวัตกรรมเพื่อสร้างผลเชิงบวกให้สังคมและสิ่งแวดล้อม ทำให้นวัตกรรมสีเขียว Greenovation ชัดเจนและเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น



ทางด้าน KX มุ่งมั่นจะเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงองค์ความรู้ เทคโนโลยีเชิงลึก และโอกาสทางธุรกิจ เดินหน้าสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมที่แข็งแรงและยั่งยืน สอดคล้องกับแนวโน้มการใช้พลังงานที่จะขับเคลื่อนไปตามรูปแบบ Global Energy Demand Mix ผสานการใช้พลังงานรูปแบบเดิมกับเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดและพลังงานสีเขียว เปิดโอกาสให้สตาร์ตอัพร่วมพัฒนาธุรกิจใหม่ผ่านความร่วมมือและร่วมลงทุนเชิงกลยุทธ์ ผลักดัน “Greenovation” ให้องค์กร สิ่งแวดล้อมและสังคม เติบโตต่อไป

“นางกลอยตา ณ ถลาง” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ขึ้นบรรยายพิเศษ “Energy x Sustainability by Bangchak Group” ต่อด้วยวงเสวนาหัวข้อ Opportunities for Investment in Energy Businesses นำโดย ดร.ภัทรชาติ โกมลกิติ นางนฤพรรณ สุธรรมเกษม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานยุทธศาสตร์และพัฒนาธุรกิจใหม่กลุ่มบริษัทบางจาก นายธนพงษ์ ณ ระนอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด นายเพชร วรรณิศร หัวหน้าฝ่ายเงินร่วมลงทุนองค์กร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) นายชยุตม์ จัตุนวรัตน์  กรรมการผู้จัดการกองทุน บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด ดำเนินรายการโด ดร.พนิต กิจสุบรรณ ผู้อำนวยการ Industrial Bioprocess Innovation Group (IBIG)


“โครงการ TECHBITE Energyกลุ่มบริษัทบางจาก กับ KX ร่วมมือกันวางยุทธศาสตร์
การลงทุนเทคโนโลยีแห่งอนาคต
5 กลุ่ม ได้แก่ 1.พลังงานทางเลือก (Alternative Fuels) 2.การใช้ประโยชน์และกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization, and Storage) 3.นวัตกรรมเพิ่มมูลค่าขยะ (Waste-to-Value Innovations) 4.การเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลเพื่อความยั่งยืน (Digital Transformation for Sustainability) และ 5.วัสดุที่ยั่งยืน (Sustainable Materials)

ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา มีสตาร์ทอัพผ่านการคัดเลือกทั้ง 10 ทีม ได้รับคำแนะนำและการสนับสนุนอย่างใกล้ชิดจากผู้เชี่ยวชาญในภาคอุตสาหกรรม ควบคู่กับกิจกรรมจับคู่ทางธุรกิจ โดยบางจากฯ เปิดโอกาสให้เข้าถึงข้อมูลและโจทย์ธุรกิจ เพื่อพัฒนาต่อยอดแนวคิดให้ตอบสนองความต้องการตลาดอย่างแท้จริง

สำหรับงาน TECHBITE Energy - Demo Day 2025 เป็นทั้งเวทีแสดงผลงานสตาร์ทอัพ และพื้นที่สร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างองค์กร นักลงทุน และพันธมิตรธุรกิจ โดยมีพันธมิตรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ เช่น อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย และ TED Fund ผนึกกันยกระดับ “นวัตกรรมสีเขียว” ร่วมปลดล็อกศักยภาพธุรกิจพลังงานไทย สู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในเวทีโลก

“บางจาก” คือผู้นำนวัตกรรมสีเขียว (Greenovation Leader) และ KX คือผู้สร้างระบบนิเวศนวัตกรรม (Innovation Ecosystem) ที่พร้อมร่วมสร้างสรรค์พลังงานที่ยั่งยืนโลกแห่งอนาคต

ติดตามโครงการ TECHBITE Energy ทาง https://www.facebook.com/TECHBITEIncubator

 

ททท.นำท่องเที่ยวไทยลุยเทรดโลกWTM2025โชว์สีสันลอยกระทงทำรายได้1,330ล้านบาท

ททท.นำธุรกิจไทยลุยเทรดโลก WTM2025 โชว์สีสันลอยกระทง เปิดคูหาไทยจับคู่เจรจา 1,500 นัดหมายหวังโกย 1,330 ล้านบาท ททท.นำเอกชนร่วมเทรดท่องเที่ย...