ดร.ศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผอ.TCEB นำไทยรับธงเจ้าภาพ3งานโลก มหกรรมพืชสวนโลก อุดร โคราช Gastech
ผู้นำ TCEB โชว์พลังไมซ์ชูไทยเจ้าภาพ 3 งานโลก โกยแสนล้าน
พืชสวนโลก“อุดร+โคราชเอ็กซโป”+Gastechดันเศรษฐกิจไทยอู้ฟู่
รุกเทรนด์อนาคต“เทคโนวิทยาศาสตร์”ขยายตลาดอุตฯใหม่ไมซ์
ช้อปก่อนบินคิง
เพาเวอร์สุวรรณภูมิสายแฟ/บิวตี้ได้เพิ่มเพียบ
POWER PASSคิงเพาเวอร์ลุยช้อป4
สนามบินลดแล้วลดอีก
คิง เพาเวอร์แจกดีลเด็ดก่อนบินแวะช้อปรางน้ำลดสูงสุด
50%
ททท.เปิดมหกรรม“Nihao Month”ดึงจีนเที่ยวไทยก.ย.-ธ.ค.68
บางจากนำFrytoFly&No
Refryคว้ารางวัลSGCAสื่อสารอินเตอร์
TCEB ลุยจีนจัดThailand Forward ย้ำไทยผู้นำฮับไมซ์อาเซียน
เที่ยวราชบุรีสัมผัสเสน่ห์ชุมชนสุขภาพฮีลกายใจฟินสุด 4
พิกัด
อาหาร 5 ชนิดมีไขมันดีกินแล้วได้ประโยชน์แถมดีต่อ (หัว)
ใจ
SKYTRAXยก“สุวรรณภูมิ”ผงาดสนามบินอินเตอร์ระดับ
4 ดาว
ว.ดุสิตธานีเปิดTOPJapanPathwayฝึกคนไทยไปทำงานในญี่ปุ่น
วันเสาร์ที่ 20 กันยายน 2568 ต้อนเข้าสู่รายการ “รวยด้วยข่าวเสาร์-อาทิตย์” เวลา 11.00-12.00 น.พบกับ “เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 97MHz. ฟังทางfacebookLiveFM97.0 อ่านในwww.facebook.com/penroongyaisamsen #gurutourza #รวยด้วยข่าวเสาร์อาทิตย์FM97 #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #เที่ยวกับกู๋ #KingPower #TAT #บางจาก #
ฟัง Live สดจากลิงค์นี้... https://www.facebook.com/share/v/19gGjByGhH/
ช่วงที่
1 สัมภาษณ์ !! ดร.ศุภวรรณ
ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน)
หรือ “TCEB” นำไมซ์รับเจ้าภาพจัดระดับโลก 2 งาน 3 ครั้ง สร้างรายได้เข้าประเทศเกือบแสนล้าน
นำร่อง “มหกรรมพืชสวนโลก” 2 แห่ง
เงินสะพัดหัวเมืองเศรษฐกิจอีสานครั้งที่ 1 “อุดรธานี
เอ็กซ์โป”ปี69 ที่หนองแด 134 วัน
คาดรายได้ 32,000 ล้าน ครั้งที่ 2 “โคราช
เอ็กซ์โป” ปี’72 ทำเงินกว่า 18,920 ล้านบาท
และ “GASTECH 2026” ปี’69
มหกรรมพลังงานรายการใหญ่สุดของโลกอีกว่า 14,620 ล้านบาท
แถมปีหน้าไมซ์รับอีก 2 งานใหญ่ “ประชุมเวิลด์แบงก์”
ที่กรุงเทพฯ “Global Wellness Summit 2026” ภูเก็ต
อนาคตเล็งเพิ่มตลาดเป้าหมายใหม่กลุ่ม “วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี”
ต่อยอดได้อีกหลายอุตสาหกรรม
ดร.ศุภวรรณ
ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน)
หรือ “TCEB” เปิดเผยว่า
เดือนกันยายนนี้ทีเส็บไทยได้เดินทางไปรับธงที่ไทยได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพระดับโลก 2 งาน ได้แก่ งานแรก “มหกรรมพืชสวนโลก : International
Horticultural Expo” โดย สมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ (The
International Association of Horticultural Producers – AIPH) ประกาศให้สิทธิ์ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ
ในเมืองเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยถึง 2 ครั้ง ประกอบด้วย
ครั้งที่ 1 “งานพืชสวนโลกอุดรธานี : Udon Thani International Horticultural EXPO 2026” งานระดับ B ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2569 – 14 มีนาคม 2570 รวม 134 วัน ฉลองอุดรธานีครบรอบ 134 ปี บริเวณพื้นที่ชุ่มน้ำหนองแด ตำบลกุดสระ อำเภอเมือง จังหวัด อุดรธานี ขนาด 1,030 ไร่ คาดจะ “สร้างรายได้” เข้าประเทศครอบคลุมทุกหมวดที่เกี่ยวข้องกว่า 32,000 ล้านบาท
จัดภายใต้แนวความคิด “Diversity of Life: Connecting People, Water and Plants for Sustainable Living” สื่อถึงความหลากหลายแห่งสรรพชีวิต สายสัมพันธ์แห่งผู้คน สายน้ำ และพืชพรรณสู่การดำรงชีวิตที่ยั่งยืน และมีความพิเศษกว่างานพืชสวนโลกทั่วไปเรียกว่า Wet Land ด้วยการเลือกใช้พื้นที่ชุ่มน้ำมีทะเลสาบมีหนองน้ำอยู่ตรงกลางแทนพืชที่บริเวณหุบเขา
ตั้งเป้าหมายจะมีผู้เข้าเยี่ยมชมตลอดงาน
3-4 ล้านคน เป็นคนไทยทั่วประเทศประมาณ 70-80 % เป็นนานาชาติจากประเทศใกล้เคียงในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
ตั้งแต่จีนตอนใต้ มาจนถึง สปป.ลาว เวียดนาม และอาเซียน อย่าง มาเลเซีย สิงคโปร์
ประเทศอื่น ๆ
ปัจจุบันผู้ที่จะเข้ามาร่วมจัดนิทรรศการแสดง (Exhibition) ในงานพืชสวนโลก เริ่มจองโรงแรมในอุดรธานีที่พักระดับ 5 ดาว มียอดจองล่วงหน้าในช่วงดังกล่าวเข้ามาแล้วเป็นจำนวนมาก
โดยมีหลายประเทศสนใจเข้าร่วมลงทุนเปิดพาวิลเลี่ยนพืชสวนโลก อุดรธานี 2569 หลากหลายประเทศ เช่น ภูฎาน กาตาร์ และอื่น ๆ กำลังทยอยลงทะเบียนอย่างต่อเนื่องกับทางฝ่ายที่รับผิดชอบการจัดงาน โดยมี “สวนนงนุช” เป็นแกนหลักออกแบบตกแต่งสถานที่สร้างสิ่งแวดล้อมอย่างสวยงาม ไฮไลต์จะนำประติมากรรมไดโนเสาร์หลายสายพันธุ์มาใส่ไว้ในงาน จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวเข้ามาเป็นจำนวนมาก
เมื่อแล้วเสร็จจะพัฒนาพื้นที่เป็นสวนสาธารณะ ศูนย์เรียนรู้ พื้นที่กิจกรรมชุมชน และแหล่งพักผ่อนของเมือง เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมในอนาคตต่อไป
ครั้งที่ 2 งานมหกรรมพืชสวนโลกโคราช : Korat International Horticultural Expo 2029 หรือ “โคราช เอ็กซ์โป 2029” งานระดับ A1 ระหว่างวันที่ 10 พฤศจิกายน 2572- 28 กุมภาพันธ์ 2573 ที่ โคกหนองรังกา ตำบลเทพาลัย อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา
คาดจะ “สร้างรายได้” กว่า 18,942 ล้านบาท ช่วยเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) 9,163 ล้านบาท ทำรายได้การจัดเก็บภาษี 3,429 ล้านบาท และสร้างงาน 36,003 อัตรา
จัดภายใต้แนวคิด “ธรรมชาติและพรรณพืชเขียวขจี อนาคตแห่งโลกสีเขียว : Nature & Greenery: Envisioning the Green Future” สะท้อนความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ ความหลากหลายทางวัฒนธรรม และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีพืชสวนและการเกษตรที่ยั่งยืนของประเทศไทย
สำหรับงานพืชสวนโลก ระดับ A1 ไทยได้การรับรองจาก “องค์การนิทรรศการนานาชาติ” หรือ BIE (Bureau International des Expositions) พิจารณาให้ไลเซ่น (Certified License Host) โดยจะต้องมีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ที่กำหนดตามหลักสากล
ไฮไลต์สำคัญอีกเรื่องช่วงปี 2572 มีความเป็นไปได้ที่จะมีรถไฟความเร็วสูงเปิดบริการผ่านอำเภอคงสถานที่จัดโคราช เอ็กซ์โป 2029 มีที่ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างนคราชสีมากับขอนแก่น จึงสามารถเชื่อมการเดินทาง และจองที่พัก ได้ทั้งสองจังหวัดด้วย
ดร.ศุภวรรณ
กล่าวว่าไทยมีโอกาสจัดมหกรรมพืชสวนโลกต่อเนื่องกันถึง 2 ครั้ง ปี 2569 และปี 2572 รวมมูลค่าแล้วจะนำรายได้เข้าสู่เศรษฐกิจประเทศกระจายสู่พื้นที่ต่างๆ
กว่า 60,000 ล้านบาท
แล้วยังได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ทางนวัตกรรม และเทคโนโลยี การเกษตร พืชสวน
อีกมากมาย ผ่านเวทีเสวนา แต่ละครั้ง ที่จะมีผู้เชี่ยวชาญนานาชาติ และประเทศต่าง ๆ
เข้ามาร่วมจัดแสดงสินค้าอย่างหลากหลาย
ซึ่งจะเป็นประโยชน์เป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่หันมาใส่ใจการขยายพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้นเป็นลักษณะเป็นบำนาญประชาชนด้วยการเก็บออมวิธีหนึ่งในอนาคตด้วย
งานที่ 2 Gastech 2026 จะจัดระหว่างวันที่ 15-18 กันยายน 2569 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมนานาชาติไบเทค บางนา ของไทยซึ่งจะเป็นตัวแทนภูมิภาคเอเชียจัดอีเวนต์พลังงานรายการใหญ่สุดของโลก โดยมีทั่วโลกเดินทางมาไม่ต่ำกว่า 50,000 คน เป็นนักพูดหรือ speaker นานาชาติเตรียมขึ้นเวทีเสวนากว่า 1,000 ราย และจะฮอลล์ทั้งหมดจัดงานแสดงสินค้าพลังงานทุกชนิดครบวงจร ทางกระทรวงพลังงานของไทยในฐานะเจ้าภาพจัดคาดจะสร้างรายได้กว่า 14,620 ล้านบาท
ล่าสุด ดร. พสุ โลหารชุน. ประธานกรรมการส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ นำทีมผู้บริหารทีเส็บเดินทางไปรับธงในงาน Gastech 2025 พร้อมผู้บริหารกระทรวงพลังงาน และพันธมิตรธุรกิจ ที่เมืองมิลาน อิตาลี เมื่อวันที่ 11-12 กันยายน 2568 พร้อมเยี่ยมชมงานจัดได้ยิ่งใหญ่มากในแต่ละโซนทั้ง แก๊ส เทคโนโลยี พลังงานทางเลือก และการประชุมหลากหลายมาก ขณะนี้โรงแรมระดับ 5 ดาวในกรุงเทพฯ และรอบพื้นที่จัดงานเริ่มมีซีอีโอจากทั่วโลกจองเป็นจำนวนมากเช่นกัน
ทำให้ไทย
“ได้ประโยชน์โดยตรง” จากการจัดงาน Gastech 2026
ผลักดันไทยเป็นผู้นำการจัดงานพลังงานแห่งเอเชีย
แล้วก็จะช่วยเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมพลังงานอย่างสมบูรณ์แบบ
รวมทั้งเพิ่มจุดแข็งให้ไทยอีก 3 โอกาส ได้แก่
● โอกาสที่ 1 การเจรจาจับคู่ธุรกิจและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับผู้ประกอบการพลังงานชั้นนำจากทั่วโลก และเกิดความร่วมมือทั้งทวิภาคีและพหุภาคีต่อยอดด้านพลังงานในอนาคต
● โอกาสที่ 2 ผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยวและผู้ร่วมงานใช้จ่ายเงิน และการสร้างงานให้คนไทย 4,700 อัตรา ตามประมาณการณ์จะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 50,000 ราย จากทั่วโลก 150 ประเทศ ผู้จัดแสดงสินค้ากว่า 1,000 ราย วิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานกว่า 1,000 คน
● โอกาสที่ 3 เสริมสร้างภาพลักษณ์และบทบาทของไทยในเวทีโลก เพราะงาน Gastech 2026 จะมีบุคคลระดับรัฐมนตรีพลังงานจากนานาประเทศเดินทางมาร่วมงานจาก 150 ประเทศ
ปี 2569 ไทยยังได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพจัดงานขนาดใหญ่ระดับโลกอีกหลายรายการ เช่น
งานที่ 1 การจัดประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลก (World Bank Group - WBG) ประจำปี 2569 ระหว่างวันที่ 12-18 ตุลาคม 2569 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์กรุงเทพมหานคร มีผู้เข้าร่วมการประชุมมากที่สุดกว่า 18,000 คน ทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจากประเทศสมาชิกของธนาคารโลก ผู้ว่าธนาคารกลางจากประเทศสมาชิก IMF
งานที่ 2 Global Wellness Summit 2026 (GWS 2026) ซึ่งเป็นเวทีระดับโลกด้านสุขภาพ จะจัดที่จังหวัดภูเก็ต ที่จะยกระดับไทยเป็นผู้นำด้านสุขภาพและความงาม รวมทั้งภูมิปัญญาการนวดแผนไทยและสมุนไพรสู่เวทีสากล ซึ่งจะมีผู้เชี่ยวชาญ นักธุรกิจ นักลงทุน และผู้กำหนดนโยบาย ด้านสุขภาพจากทั่วโลก มาแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมในอนาคต
ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดงาน GWS ต่อจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ปีนี้จะจัดวันที่ 18–21 พฤศจิกายน 2568 ที่ดูไบ ภายใต้ธีม “Longevity Through a Wellness Lens” การมองสุขภาพผ่านเลนส์แห่งความยั่งยืนของอายุขัย
ดร.ศุภวรรณ กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป จะเดินหน้าผสมผสานตลาดไมซ์กับการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจขยายตัวเพื่อรายได้ห้ได้มากที่สุด สู่ ที่พักโรงแรม บริการรถเช่า บริษัทตัวแทนบริหารจัดการโปรแกรมท่องเที่ยว ร้านค้า ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ชุมชนรอบพื้นที่จัดงาน ซึ่งมีเสียงเรียกร้องจากแต่ละประเทศขอให้ไทยเสนอรายการนำเที่ยวให้กับผู้ติดตามด้วย
ขณะนี้ทั่วโลกมองไทยเป็น “ประเทศศูนย์กลางการจัดไมซ์” หรือ MICE Global ซึ่งมีเส้นทางความหลากหลายให้เลือกจึงต้องร่วมมือกันทำให้ “กระบวนการจัดการ” เจาะกลุ่มคุณภาพสูงที่ต้องการเลือกมาจัดในในภูมิภาคเอเชีย ทาง “ทีเส็บ” พร้อมจะนำไทยเข้าไปยื่นประมูลสิทธิ์เป็นเจ้าภาพจัด เพื่อให้ไทยเป็นฐานจัดงานประชุมกลุ่มย่อย การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล การประชุมนานาชาติ งานจัดการแสดงสินค้า (M-I-C-E)
โดยมีกลุ่มตลาดเป้าหมายใหม่แห่งอนาคตคือ "เทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ : Science Technology" การประยุกต์ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์สร้างเครื่องมือ อุปกรณ์ หรือกระบวนการที่ช่วยให้ชีวิตมนุษย์สะดวกสบายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขยายฐานจากอุตสาหกรรมงานไมซ์ทางการแพทย์ ซีรีย์เวลเนส สปา ตอนนี้แต่ละปีเข้ามาจัดงานในไทยจำนวนมากแล้ว
ซึ่งจะเชื่อมโยงไปถึง
“นวัตกรรมทางด้านกีฬาโลก” อย่าง E-Sport เทคโนโลยีมารวมกันที่กรุงเทพฯ ปี 2568 “อุตสาหกรรมพลังงานทางเลือก”
ระดับนานาชาติ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการมีส่วนช่วยเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก
“กลุ่มธุรกิจ สตาร์ต อัพ” และ กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต Future Food ล้วนเป็นโกลบอล เทรนด์ ทุกงานล้วนเป็นโอกาสตลาดไมซ์ของไทย
ฟังข่าวต้นชั่วโมง
ข่าวที่ 1-ช้อปก่อนบินคิง
เพาเวอร์สุวรรณภูมิสายแฟ/บิวตี้ได้เพิ่มเพียบ
“ช้อปดิวตี้ฟรี ก่อน Take off” ที่คิง เพาเวอร์
ท่าอากาศยานสุวรรณภุมิ วันนี้ -30 กันยายน 2568 ได้มากกว่า ลดทุกวัน
ไม่มีวันหยุด! เชิญชวนสายแฟ กับสายบิวตี้
เผื่อก่อนบินมาช้อปโปรแรง ๆ ได้
ตลอดกันยายนนี้กับโปรโดนใจให้เลือกอย่างหลากหลายดังต่อไปนี้
●
“สายแฟ ได้เพิ่มมาก”
กับการช้อปอย่างชาญฉลาดกับรายการสุดฮ็อต 2 โปรโมชั่น ได้แก่
โปรโมชั่นแรก ซื้อ “LUXURY CASH CARD”
เพื่อให้นำไปใช้ซื้อสินค้าลักซ์ชัวรีแบรนด์บูทีกได้บริเวณโซนแฟชั่น นาฬิกา
และจิวเวลรี ยิ่งซื้อมูลค่าสูง
ยิ่งได้สิทธิประโยชน์คุ้มค่ามากขึ้นตามไปด้วย สูงสุดถึง 8,000 บาท ดังนี้
1.ซื้อ 100,000 บาท รับเพิ่ม “กิฟท์ การ์ด” ได้ถึง 2 ใบ มูลค่ารวม 8,000 บาท ใบที่ 1 มูลค่า 5,000 บาท นำไปใช้ช้อปทุกแผนกที่ร่วมรายการ ใบที่
2 มูลค่า 3,000 บาท ใช้ช้อปได้กับสินค้าแผนกแฟชั่นที่เข้าร่วมรายการ
2.ซื้อ 50,000 บาท
รับเพิ่ม กิฟท์ การ์ด มูลค่า 3,000 บาท
นำไปใช้ช้อปได้ทุกแผนกที่ร่วมรายการ
โปรโมชั่นที่ 2 ซื้อ CASH CARD ช้อปแบรนด์ชิค
ที่โซนแฟชั่น นาฬิกา และ จิวเวลรี ได้ที่คิง เพาเวอร์ 3 สนามบิน
คือ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เมื่อซื้อสินค้าแบรนด์ในแผนกที่เข้าร่วมรายการครบ 10,000 บาท รับเพิ่ม GIFT CARD 4,000 บาท
●
สายบิวตี้ ได้ลดมาก! พบกันได้ตั้งแต่วันนี้ -30 กันยายน 2568
โซนบิวตี้และแว่นตา ลดสูงสุด 25% เมื่อช้อปครบ 1,500 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ
กับสินค้าที่เข้าร่วมรายการตรงแผนกน้ำหอม เครื่องสำอางและแว่นตา
ข่าวที่ 2 -POWER PASSคิงเพาเวอร์ช้อป4 สนามบินลดแล้วลดอีก
สมาชิก POWER
PASS ลดเพิ่มทันที 5% เมื่อช้อปครบ 1,500 บาทขึ้นไป / ใบเสร็จ เฉพาะสินค้าแผนกน้ำหอม เครื่องสำอางและแว่นตา ที่
คิง เพาเวอร์ 4 สนามบิน คือ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่
และภูเก็ต
“ช้อปผ่านบัตรเครดิต”
ที่ร่วมรายการ ได้มากกว่า! 1.รับเครดิตเงินคืนรวมสูงสุด
20,000 บาท 2.แบ่งชำระ 0% นาน 6 เดือน(ตามเงื่อนไข)
“สมัครใหม่
POWER PASS” ฟรี! พิเศษสมาชิกใหม่ NAVY
ได้ครบมาก 1.ฟรี! 400 กะรัต = ส่วนลดแทนเงินสด 100 บาท 2.รับทันที CASH VOUCHER 2,000 บาท เมื่อเติมเงิน ทุก 20,000 บาท 3.พิเศษสมัครที่สุวรรณภูมิ แล้วภายในวันสมัครช้อปให้ครบ
5,000 บาทรับทันที Shopping Bag ผ้า Canvas
ข่าวที่ 3-คิง เพาเวอร์แจกดีลเด็ดก่อนบินแวะรางน้ำลดสูงสุด 50%
“สวยก่อนบิน”
กับแบรนด์ดังที่ YSL POP-UP COUNTER วันนี้ -30
กันยายน 2568 ที่บริเวณชั้น 2 โซนบิวตี้คลับ
คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ชวนช้อปไอเทมไฮไลต์อินเทรนด์ของผู้หลงไหลในความงามต้องมี YSL ไว้ใช้อย่างคุ้มค่า เมื่อทำยอดช้อปครบตามเกณฑ์
ร่วมสนุกได้ทันทีทุกวันกับกิจกรรม “ดิจิทัล เกม” รับของขวัญสุดพิเศษกับ
เอ็กซ์คลูซีฟ กิฟท์ คัดเลือกมาไว้ให้นักช้อปพร้อมสวยก่อนบินทุกไฟลต์ทุกการเดินทาง
“ดีลเด็ดโอกาสสุดท้ายก่อนบิน”
ช้อป “คิง เพาเวอร์ ออนไลน์” ลดสูงสุด 50 % โดยไม่ต้องมียอดซื้อขั้นต่ำ กับมหกรรม “SPECIAL ONLINE SALE” สินค้าทุกหมวดพร้อมจัดเต็มมาให้ช้อปจุใจ ช้อปสะดวก คุ้มค่า
ครบจบที่เดียวเริ่มตั้งแต่ของใช้ส่วนตัวไปจนถึงของขวัญเตรียมไว้มอบให้คนพิเศษ ช้อปด่วน
!! ดิวตี้ ฟรี เซล สินค้ามีจำนวนจำกัด ที่ คิง
เพาเวอร์ ออนไลน์
ซื้อแล้วผลิตภัณฑ์สุดปังต้องมีไว้ใช้ตลอดทริปเพื่อจะได้ออกเดินทางอย่างมั่นใจ
ข่าวที่ 4-ททท.เปิดมหกรรม“Nihao Month”ดึงจีนเที่ยวไทยก.ย.-ธ.ค.68
นางสาวฐาปนีย์
เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.เปิดโครงการ “Nihao Month” อย่างยิ่งใหญ่ ที่นครกว่างโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อจุดประกายการเดินทางมาไทยช่วงไฮซีซั่นปลายปี
2568 เชื่อมโยงความสุขเทศกาลไหว้พระจันทร์
และวันชาติจีน (Golden Week) และการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ
มีผู้ให้เกียรติเข้าร่วมงาน นำโดย นางสาวพอพจน์ ช้างเยาว์ รองกงสุลใหญ่ ณ
นครกว่างโจว นางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้
ททท. นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. Mr. Ke Xiandong รองอธิบดีสำนักวัฒนธรรม วิทยุ
โทรทัศน์และการท่องเที่ยวนครกว่างโจว ร่วมมือกันอย่างแน่นแฟ้นมุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทย–จีน
โครงการ
“Nihao Month” จัดต่อเนื่องปีที่ 2
ระหว่างกันยายน–ธันวาคม 2568 ขานรับฤดูกาลท่องเที่ยวสำคัญตลาดจีน
จึงพร้อมกระตุ้นการเดินทาง ฟื้นความเชื่อมั่น
สร้างภาพลักษณ์ใหม่ไทยในฐานะจุดหมายปลายทางคุณภาพตอบโจทย์ด้านความปลอดภัย
มาตรฐานการบริการ ประสบการณ์ที่มีคุณค่า ด้วยโครงการ Nihao Month มีกิจกรรมสำคัญ ได้แก่
กิจกรรมที่
1 “Thailand, Told by You – UGC Challenge &
FAM Trip” เปิดให้บรรดา “คอนเทนท์ ครีเอเตอร์”
จีนร่วมประกวดสร้างสรรค์ผลงานสะท้อนเสน่ห์ไทย ภายใต้แนวคิด “5 Must Do in
Thailand” และ “Soft Power 5F” ผู้ชนะจะได้มาเที่ยวเมืองไทยเพื่อสัมผัสประสบการณ์และถ่ายทอดผ่านสื่อออนไลน์
ร่วมกิจกรรม “Amazing Mid-Autumn in Thailand, Welcome Reception” งานเลี้ยงต้อนรับคณะ KOLs และ คอนเทนท์ ครีเอเตอร์ ช่วงไหว้พระจันทร์
แล้วผู้ร่วมกิจกรรมจะมีโอกาสได้พบนักร้องและศิลปินชื่อดังขวัญใจชาวจีน อย่าง บิวกิ้น
- พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล และ ป้อง- ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์
กิจกรรมที่ 2 “Chinese Passport Privilege” มอบสิทธิพิเศษให้นักท่องเที่ยวจีนมาไทยช่วงโครงการ
โดยเพียงแสดงหนังสือเดินทางจีนรับทันทีสิทธิประโยชน์จากร้านค้า ห้างสรรพสินค้า สปา
บริการท่องเที่ยวที่ร่วมรายการ ททท. ได้ผนึกพันธมิตรผู้ประกอบการเอกชนต่าง ๆ ทั้งไทยและจีน
เช่น OTA (Ctrip, Meituan, Tongcheng) ชำระเงินออนไลน์ (Alipay) ห้างสรรพสินค้า และซุปเปอร์มาร์เกตกลุ่มเซ็นทรัล, วัน แบ็งคอก
สยามภิวัฒน์ เดอะมอลล์ เอ็มดิสตริค โบตัส แมคโคร ท็อปส์ ร่วมกันมอบสิทธิพิเศษและความคุ้มค่าทุกการใช้จ่ายให้กับนักท่องเที่ยวจีน
ททท. ตั้งเป้า “Nihao
Month” เป็นมากกว่าแคมเปญส่งเสริมการตลาด เพราะคือ “สัญลักษณ์แห่งมิตรภาพและความผูกพัน”
อันแน่นแฟ้นระหว่างไทย–จีน ในวาระครบรอบการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูต 50 ปี จึงนำ “เทศกาลไหว้พระจันทร์” ที่ทรงคุณค่าทางวัฒนธรรมมาเป็นสะพานเชื่อมโยงผู้คนทั้ง
สองชาติ ได้ร่วมเฉลิมฉลอง แลกเปลี่ยน เข้าใจกันมากยิ่งขึ้น
รวมทั้งมุ่งหวังให้เป็นกิจกรรมช่วยสร้างภาพลักษณ์ประเทศไทยให้กลับมาเป็น
Top of Mind Destination ในหัวใจนักท่องเที่ยวจีน
ตอกย้ำบทบาทไทยคือหนึ่งในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกด้วยรอยยิ้ม
ข่าวที่ 5-บางจากนำFry to Fly&No Refryคว้ารางวัลSGCAสื่อสารอินเตอร์
นางกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่
งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
เป็นผู้แทน กลุ่มบริษัทบางจาก เข้ารับรางวัลสื่อสาร “Excellence in Communication for Sustainable
Development” จาก His Highness Sheikh Sultan bin Ahmed Al Qasimi รองประมุขรัฐชาร์จาห์ และประธานสภาสื่อสารมวลชนชาร์จาห์
ซึ่งเป็นรางวัลที่แสดงถึงความเป็นเลิศการสื่อสารโครงการ “Fry to Fly” และ
“No Refry” ของกลุ่มบริษัทบางจาก
บนเวทีระดับนานาชาติ Sharjah
Government Communication Award (SGCA) 2025 จัดโดย Sharjah Government Media Bureau ในงาน International Government Communication
Forum (IGCF) ภายใต้แนวคิด “Communication for Quality of Life” มีผู้แทนนานาชาติร่วมคับคั่งในพิธีมอบรางวัลจัดขึ้นเมื่อ
11 กันยายน 2568 ที่ ชาจาห์
เอ็กซ์โป เซ็นเตอร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ปี 2568
เวที SGCA มีโครงการจากทั่วโลก
37 ประเทศส่งเข้าร่วมประกวดกว่า 2,600 โครงการ ผ่านการคัดกรองเบื้องต้นกว่า 600 ผลงาน
ก่อนจะเหลือเพียง 74 ผลงาน รางวัล 23 ประเภท บางจากเข้ารอบสุดท้ายในสาขา Excellence in Communication for Sustainable
Development (Partner Award) มีองค์กรพันธมิตรคือ Asia House (London) องค์กร Think Tank ระดับนานาชาติที่มีบทบาทเชื่อมโยงเอเชีย
ตะวันออกกลาง และยุโรป เป็นผู้คัดเลือกและเสนอโครงการจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
รอบสุดท้ายมีผ่านเข้าชิงชัยกัน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการที่ 1
“Fry to
Fly” และ “No
Refry” โดยกลุ่มบริษัทบางจาก โครงการที่ 2 Free Nutritious Meal Programme โดย GoTo Group อินโดนีเซีย
โครงการที่ 3 Talk It
Out โดย Prudential
Plc/Prudence Foundation มาเลเซียและเวียดนาม
“กลุ่มบริษัทบางจาก”
เป็นผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศในสาขานี้ จัดเป็นองค์กรแรกจาก “เอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
ที่ได้รับรางวัลจาก SGCA จัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 12 และหนึ่งในเวทีระดับนานาชาติที่ยกย่องความเป็นเลิศด้านการสื่อสารเพื่อความยั่งยืนและคุณภาพชีวิต
ข่าวที่
6- TCEBลุยจีนจัดThailand Forwardย้ำไทยผู้นำฮับไมซ์อาเซียน
ดร.จารุวรรณ
สุวรรณศาสน์ ผู้ทรงคุณวุฒิ (CIO) สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
(องค์การมหาชน) “TCEB” นำทีเส็บจับมือกับบริษัท Tencent
และเครือข่ายภาคธุรกิจจีน จัดกิจกรรม “Thailand Forward:
Your Next Business Destination” ที่เซินเจิ้น สาธารณรัฐประชาชนจีน
เน้นสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้นำธุรกิจจีนและแสดงศักยภาพของไทยในฐานะ
“เกตเวย์สู่ตลาดอาเซียน” ภายในงานทำไฮไลต์ “Exclusive Roundtable Luncheon” กับผู้บริหาร ผู้นำธุรกิจจีน โดยได้รับเกียรติจาก นางสาวพอพจน์
ช้างเยาว์ รองกงสุลใหญ่ รักษาราชการแทนกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว
กล่าวเปิดและต้อนรับทุกคนในงาน
พร้อมกับนำเสนอถึงบทบาทของประเทศไทยพร้อมเป็นศูนย์กลางไมซ์
สามารถเชื่อมโยงภูมิภาคและสร้างความร่วมมือทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการจีน
ผ่านโครงสร้างพื้นฐานพร้อมรองรับการจัดงานไมซ์ระดับโลก
และระบบนิเวศทางธุรกิจเอื้อต่อการขยายสู่อาเซียน
โดยเปิดเสวนา
“Thailand as Your Gateway: Expanding Chinese Business Success in
ASEAN” สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสใช้ไทยเป็นฐานเชื่อมต่อธุรกิจสู่ภูมิภาค
ต่อยอดเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้นำนักธุรกิจจีนที่มีต่อไทย
ได้มีตัวแทนแลกเปลี่ยนความเห็นร่วมกัน ได้แก่ Patrick Huang ผู้จัดการสาขา
ธนาคารกสิกรไทย เซินเจิ้น Xiaonan
Deng (Sean) ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท 2C2P (Thailand)
Co., Ltd. และมี Xiaokun Gao ผู้จัดการประจำประเทศไทย
บริษัท Tencent เป็นผู้ดำเนินรายการ
รวมทั้งการจัดงาน
Southeast Asia Offshore Summit ภายใต้หัวข้อ “Southeast
Asia’s Next Digital Hub: Why Thailand is the Smart Choice” มุ่งเจาะลึกการพัฒนาของไทยในฐานะ
“ศูนย์กลางดิจิทัลแห่งอาเซียน” ด้วยระบบนิเวศดิจิทัลครบวงจร ที่มีภาครัฐสนับสนุน
และนำเสนอความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานรองรับการลงทุนด้านเทคโนโลยีขั้นสูง
สร้างความเชื่อมโยงตลาดอาเซียนได้อย่างไร้รอยต่อ โดยมี Xiaonan Deng กับ Xiaokun เป็นผู้ให้ข้อมูลอย่างเต็มที่
ทีเส็บจัดกิจกรรมครั้งนี้เพื่อตอกย้ำบทบาทผลักดันศักยภาพไทยสู่แพลตฟอร์มการขยายตัวในอาเซียน
โดยเดินหน้าขยายเครือข่ายธุรกิจและผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางไมซ์และดิจิทัลของภูมิภาค
ช่วงที่ 2 ชวนไปเที่ยวเมืองโอ่ง “ราชบุรี” ปลายปีนี้มี 5 Must Do ในชุมชนสมุนไพร ตลาดท้องถิ่น ธรรมชาติ ให้ฮีลกายใจ ใน 4 พิกัด ฟินแน่นอน แล้วฟัง “อาหาร 5 ชนิดมีไขมันดี”
กินแล้วดีต่อใจ เกาะติดข่าวฮ็อต ๆ ข่าวแรก “SKYTRAXยกสุวรรณภูมิ”
ขั้นชั้นระดับ 4 ดาว ข่าวที่สอง “วิทยาลัยดุสิตธานีเปิด TOP
Japan Pathway” อบรคนไทยไปทำงานโรงแรมเรียวกังในญี่ปุ่น
ท่องเที่ยว –เที่ยวราชบุรีสัมผัสเสน่ห์ชุมชนสุขภาพฮีลกายใจ
4 พิกัด
เที่ยวเมืองไทยไปกับฑูตนานาชาติ
“เที่ยวไทยกับ Diplomat
: 5 Must Do สุขทุกเส้นทาง” ออกแบบกิจกรรม 5
Must Do in Thailand นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัส เสน่ห์ไทย ทุกมิติ
ทั้งอาหาร ศิลปะ วัฒนธรรม วิถีชีวิต และผลิตภัณฑ์ชุมชน
สร้างประสบการณ์ความทรงจำอันน่าประทับใจ
นำมาแบ่งปันส่งต่อสู่นักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น ๆ ไปเที่ยวได้ทุกเวลา ตลอด 365
วัน
เปิดเมือง “ราชบุรี”
ชวนไปลองประสบการณ์ดี ๆ “Wellness Tourism – เสน่ห์ไทยแห่งการเยียวยา”
มีกิจกรรมการเดินทางแบบสโลว์ไลฟ์ใช้ชีวิตเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติและวิถีชีวิตเรียบง่ายที่จะช่วยผ่อนคลายทั้งกายและใจ
กับกิจกรรมเด่น ๆ
พิกัดที่ 1 บ้านแก้วสมุนไพรไทย บริการ
“สุขภาพดีด้วยภูมิปัญญาไทย” สัมผัสนวดแผนไทยและผลิตภัณฑ์สมุนไพร
ที่สืบทอดภูมิปัญญามายาวนาน
พิกัดที่ 2 เดินเล่นตลาดโอ๊ะป่อย
สัมผัส “วิถีชีวิตเรียบง่ายและอบอุ่น” เลือกซื้อสินค้าอาหารการกินพื้นบ้าน ของใช้
และร่วมตักบาตรพระล่องแพ ท่ามกลางบรรยากาศสงบริมธาร
พิกัดที่ 3 เที่ยวชุมชน
“การเรียนรู้และมีส่วนร่วม” ลงมือทำขนมและสมุนไพรด้วยตนเอง
เลือกซื้อสินค้าชุมชนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น
พิกัดที่ 4 ดื่มด่ำ “ธรรมชาติ–สุขภาพ–วัฒนธรรมครบวงจร”
สูดโอโซนบริสุทธิ์ในแหล่งท่องเที่ยวได้ในหลายอำเภอ อย่างในอำเภอเมือง อำเภอสวนผึ้ง
โอบล้อมด้วยขุนเขาและสายน้ำ เชื่อมโยงกิจกรรมสุขภาพกับศิลป์ไทย
กลายเป็นเส้นทางที่เติมเต็มทั้งกายและใจ
เสน่ห์ไทยใน “ราชบุรี”
เป็นมากกว่าการท่องเที่ยว ทุกครั้งที่นักเดินทางไปพักผ่อน ร่วมกิจกรรมแล้ว
จะได้ทั้ง การฮีลใจ เรียนรู้เชื่อมโยงหัวใจ
ให้ผู้มาเยือนทุกคนได้ส่งต่อความสุขแบ่งปันประสบการณ์ดี ๆ
ไปยังผู้คนจำนวนมากได้รู้ถึงความลับความสุขทันทีที่ได้เที่ยวเมืองไทยในราชราชบุรี
สุขภาพ –อาหาร 5 ชนิดมีไขมันดีกินแล้วดีต่อ(หัว)ใจ
ถึงแม้ว่าร่างกายเราจะสามารถ
“ผลิตไขมันคอเลสเตอรอล” ด้วยตนเองได้ แต่ก็ยังต้องการแหล่งไขมันจากภายนอกด้วย
หากงดก็จะเกิดผลเสียต่อร่างกาย
แต่หากกินมากไปก็ก่ออันตรายต่อสุขภาพได้จึงขอแนะนำอาหารไขมันดี รับประทานแล้วเป็นประโยชน์
ลดความเสี่ยงจากโรคอันตรายได้ด้วย เบื้องต้นมี 5 ชนิด คือ
1.น้ำมันเมล็ดมะกอก : มีองค์ประกอบของไขมันดี (HDL) อยู่มาก
มีประโยชน์ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจได้ดี อย่างไรก็ตาม
หากเป็นน้ำมันเมล็ดมะกอกปกติจะไม่แนะนำให้นำมาใช้ผัด ทอด
หรือกรรมวิธีที่ต้องผ่านความร้อน เนื่องจากความร้อนจะทำให้สารอาหารสูญสลายไป
และยังทำให้ไขมันดีกลายเป็นไขมันไม่ดีแทน ส่วนใหญ่แล้วมักจะนำไปทานโดยใช้ผสมกับน้ำสลัดที่ไม่ต้องผ่านความร้อน
2.อัลมอนด์ : เป็นถั่วเปลือกแข็งที่มีไขมันดีอยู่มาก
และยังมีกากใยสูง ช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีในร่างกาย
นำมารับประทานเป็นของว่างแทนขนมปกติได้เลย
แเพื่อประโยชน์สูงสุดแนะนำกินอัลมอนด์ไม่คลุกผงปรุงรสหรือคลุกเกลือมา
3.หัวหอมใหญ่ : มีไขมันดีเป็นองค์ประกอบ
ช่วยลดระดับไขมันไม่ดี (LDL) ในเลือด
ป้องกันไม่ให้หลอดเลือดตีบและแข็งตัวได้ดี
4.ไข่ไก่ : จัดเป็นอาหารทรงคุณค่าที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมายมีสารอาหารสำคัญ
อาทิ ไขมันดี โปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุต่าง ๆ แนะนำให้ต้ม นึ่ง ตุ๋น วันละ 1 ฟอง
หรือประมาณ 3-4 ฟอง/สัปดาห์
5.ปลาบางชนิด : เช่น ปลาทะเลน้ำลึก,
ปลาแซลมอน, ปลาทู, ปลาสวาย
มีประโยชน์ต่อสุขภาพและรสชาติดี อุดมไปด้วยไขมันดีและโอเมก้า-3
ช่วยลดไขมันสะสมตามหลอดเลือด ช่วยบำรุงสมองอีกด้วย
ฟังข่าวท้ายชั่วโมง
ข่าวแรก –SKYTRAXยก“สุวรรณภูมิ”ผงาดสนามบินอินเตอร์ระดับ
4 ดาว
นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) เปิดเผยว่า Skytrax
องค์กรที่ปรึกษาด้านการจัดอันดับคุณภาพของสายการบินและท่าอากาศยานชั้นนำระดับโลกจากสหราชอาณาจักร
ประกาศให้ “ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” (ทสภ.) ได้ยกระดับจากท่าอากาศยานระดับ 3 เป็น 4
ดาว ตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2568 เป็นต้นไป
อนาคตมุ่งสู่การเป็นท่าอากาศยานอย่างมั่นคงในระดับ 5 ดาว
การได้เลื่อนระดับรอบนี้เป็นผลมาจากได้พัฒนาและปรับปรุงบริการโดดเด่น 4 ด้าน ดังนี้
● ด้านที่
1 คุณภาพของเจ้าหน้าที่ ทุกจุดที่ให้บริการ เช่น
เจ้าหน้าที่รับส่งผู้โดยสาร ตรวจคนเข้าเมือง และรักษาความปลอดภัย
ล้วนสร้างประสบการณ์ที่ดีและประทับใจให้แก่ผู้โดยสาร
● ด้านที่
2 นำเทคโนโลยีทันสมัยเข้ามาให้บริการผู้โดยสาร เช่น
ระบบตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ การจัดการคิวออกบัตรโดยสารรวดเร็วมากขึ้น
● ด้านที่
3 พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น
ปรับปรุงห้องน้ำ ป้ายบอกทาง เพิ่มจุดชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต Wi-Fi ที่มีความเสถียรและรวดเร็ว
● ด้านที่
4 จัดทำแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการ ได้แก่
การจัดพื้นที่ Kids and Gaming Zone, Relaxing Co-Working Space Zone และนิทรรศการศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย
นางสาวปวีณา
ย้ำว่า ปัจจุบันท่าอากาศยานสุวรรณภูมิรองรับผู้โดยสารปีละกว่า 60 ล้านคน โดยทำหน้าที่เป็นสนามบินหลักของไทย ภายใต้บทบาทสำคัญ “เชื่อมโยงเส้นทางการบิน”
ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ ครั้งนี้ได้รับการจัดอันดับเป็นสนามบินระดับ 4
ดาว จึงช่วยตอกย้ำถึงคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการของท่าอากาศยาน
อีกทั้งยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมุ่งมั่นพัฒนาต่อเนื่อง
เพื่อรองรับผู้โดยสารทั่วโลกที่มีความต้องการเดินทางเข้าออกเมืองไทย จึงพร้อมมอบประสบการณ์ดีที่สุดให้ผู้โดยสาร
ควบคู่การสร้างความเชื่อมั่นในฐานะ “ศูนย์กลางการบิน” สำคัญของภูมิภาคนี้
ข่าวที่สอง –ว.ดุสิตธานีเปิดTOPJapanPathwayฝึกคนไทยไปทำงานในญี่ปุ่น
วิทยาลัยดุสิตธานี
ในเครือดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล ในฐานะสถาบันการศึกษาชั้นนำด้านการบริการของเมืองไทย
ได้การรับรองอย่างเป็นทางการให้ดำเนินการทดสอบความสามารถด้าน “อุตสาหกรรมที่พัก” ของญี่ปุ่นในไทย
เพื่อเปิดโอกาสตรงให้บุคลากรไทยและอาเซียนมีทักษะภาคการบริการหลังลงนามข้อตกลง (MOU) กันเรียบร้อยแล้วเมื่อ 2 กันยายน 2568 ระหว่าง “วิทยาลัยดุสิตธานี” กับ “สมาคมโรงแรมเรียวกังแห่งญี่ปุ่น” เปิดโครงการ
TOP Japan Pathway ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการประชุมและการท่องเที่ยวเกียวโต
และโรงเรียนสอนภาษา Jeducation ในกรุงเทพมหานคร
ทางวิทยาลัยดุสิตธานีจะเริ่มรับสมัครผู้เข้าศึกษาในโครงการ
TOP Japan Pathway เริ่มเดือนตุลาคม 2568 กำหนดสอบรอบแรกและงานประกาศรับสมัครงานช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2569
“วิทยาลัยดุสิตธานี” ได้การรับรองแห่งแรกของไทย
สามารถรับสมัครและฝึกอบรมผู้สมัครคนไทยและอาเซียนผ่านหลักสูตรการโรงแรม และการประกอบอาหาร
เพื่ออำนวยความสะดวกรับรองทักษะอย่างเป็นทางการภายในประเทศ กับผู้ที่สำเร็จการศึกษาจะมีสิทธิ์ไปทำงานในญี่ปุ่น
โดยใช้วีซ่าแรงงานที่มีทักษะเฉพาะ (SSW) ของรัฐบาล
เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรมต่าง
ๆ เช่น โรงแรม อาหาร และเครื่องดื่ม
สอดคล้องกับโครงการ
Talent Opportunity Programme (TOP) แบบเร่งรัดของวิทยาลัยดุสิตธานี
ในการเตรียมความพร้อมให้ผู้เข้าร่วมอบรมทักษะระดับเริ่มต้นภายในเวลาเพียง 6
เดือน เพื่อโอกาสพิเศษให้ผู้เชี่ยวชาญที่สนใจเข้าฝึกอบรม
รับการรับรอง และเข้าถึงการจ้างงานในญี่ปุ่นได้ต่อไป
“สมาคมโรงแรมเรียวกังออลเจแปน”
เป็นตัวแทนของโรงแรมและเรียวกังแบบดั้งเดิมทั่วญี่ปุ่นกว่า 15,000
แห่ง จะช่วยส่งเสริมผู้สมัครที่ผ่านการรับรองให้สมาชิกซึ่งเป็นนายจ้าง
ซึ่งกำลังจะมหกรรม “หางาน” ขึ้นในกรุงเทพฯ
ทางโรงแรมและรีสอร์ทเครือดุสิตจะยินดีต้อนรับบัณฑิตสำเร็จการศึกษา
เข้าร่วมโครงการเพื่อเตรียมควาพร้อมไปทำงานตามโรงแรมในเครือที่ญี่ปุ่น
รวมถึงดุสิตธานี เกียวโต กับอาไซ เกียวโต ชิโจ จะช่วยเสริมสร้างโอกาสการฝึกงานในต่างประเทศควบคู่กันไปด้วย
“Jeducation” เป็นโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นชั้นนำในกรุงเทพฯ จะจัดฝึกอบรมภาษาที่จำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าผู้เข้าร่วมมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดตามระเบียบการทำวีซ่า SSW และเตรียมพร้อมความพร้อมในการใช้ชีวิตและการทำงานในญี่ปุ่น
“จอห์น โลห์” ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายกิจการ วิทยาลัยดุสิตธานี กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนทักษะด้านการบริการในญี่ปุ่นโดยตรง พร้อมกับสร้างโอกาสทางอาชีพที่น่าตื่นเต้นให้กับนักศึกษาของเรา” กล่าว “การผสมผสานการฝึกอบรมระดับโลกที่วิทยาลัยดุสิตธานี เข้ากับการรับรองอย่างเป็นทางการและเส้นทางสู่การจ้างงานที่ชัดเจน ช่วยให้เราสามารถสร้างกลุ่มบุคลากรที่มีความสามารถอันแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งไทยและญี่ปุ่น
ติดตามฟังรายการได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-12.00 น.ทาง สวท.FM 97.0 MHz.